จะไม่ให้กินหวานเลยนี่แบบว่ามันยังทำไม่ได้ หวานนิดนึงก็ยังดี ไม่หวานเลยนี่ทำใจไม่ได้จริงๆ ถ้าอย่างนั้นเอาอย่างนี้แล้วกัน เลือกความหวานจากแหล่งที่มีประโยชน์มากที่สุดละกัน แล้วแหล่งความหวานแบบไหนมีประโยชน์มากที่สุด มาดูกัน

หวานแบบ…น้ำตาลทราย

น้ำตาลทรายขาวไม่มีแร่ธาตุผสมอยู่เลย ส่วนน้ำตาลทรายแดงยังคงมีแร่ธาตุผสมอยู่ ดัชนีน้ำตาลของน้ำตาลทรายขาวและน้ำตาลทรายแดงอยู่ที่ 73-75 ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์สูง ไม่เหมาะสำหรับคนที่ควบคุมน้ำหนักหรือเป็นโรคเบาหวาน ส่วนผู้ที่ยังไม่มีปัญหาสุขภาพควรทานในปริมาณที่เหมาะสมนะคะ

หวานแบบ…น้ำตาลปึก

นอกจากจะมีกลิ่นและรสชาติที่หอมหวาน น้ำตาลปึกจากน้ำตาลมะพร้าว/น้ำตาลโตนด มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำคือ 35 จึงทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่สูงขึ้นเร็วจนเกินไป เป็นแหล่งความหวานที่ให้แคลอรี่ต่ำกว่าน้ำตาลทั่วไป และมีโพแทสเซียมช่วยควบคุมความดันและน้ำตาลในเลือดด้วย ยิ่งไปกว่านั้นน้ำตาลมะพร้าวยังมีแร่ธาตุอื่น ๆ รวมทั้งวิตามินบางชนิดที่น้ำตาลทรายแดงไม่มี ความหวานจากน้ำตาลมะพร้าวเป็นความหวานแบบสดชื่นที่ช่วยลดอาการอ่อนเพลียให้ร่างกายได้อีกด้วย

หวานแบบ…น้ำตาลเทียม

ได้จากการสังเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ เป็นทางเลือกของคนที่ควบคุมน้ำหนักหรือเป็นเบาหวาน น้ำตาลเทียมที่ขายทั่วไปคือ แซคคาริน แอสปาเทม ซูคาโลส ให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลปกติตั้งแต่ 200-600 เท่า แต่ให้พลังงานต่ำ การใช้น้ำตาลเทียมในอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ จะเป็นอาหารหรือเครื่องดื่มที่บอกว่า “ให้แคลอรี 0” หรือ “ไม่มีน้ำตาล” แต่ยังคงรสหวานได้เหมือนปกติ

หวานแบบ…น้ำเชื่อม

คือการนำน้ำตาลผสมน้ำแล้วเคี่ยวให้เข้ากันเป็นของเหลวข้น ความหวานขึ้นอยู่กับอัตราส่วนที่ผสม (หวานมากก็ให้พลังงานมากตาม) แนะนำให้ดูที่ฉลากสินค้าว่าเป็นน้ำเชื่อมจากอะไรเช่น เมเปิ้ลไซรับ ยังไงก็ไม่ควรทานมากเช่นเดียวกับน้ำตาลค่ะ

หวานแบบ…น้ำผึ้ง

ศาสตร์ทางการแพทย์ของหลายประเทศใช้น้ำผึ้งในการลดอาการอักเสบและโรคผิวหนังต่างๆ เพิ่มความสดชื่น ช่วยบำรุงสมองและความงาม น้ำผึ้งมีสารประกอบหลักที่เหมือนกันกับน้ำตาลทราย คือ “กลูโคส” และ “ฟรุกโตส” แต่ต่างกันตรงที่น้ำผึ้งมีน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว ร่างกายจึงสามารถดูดซึมไปใช้ได้เร็ว นอกจากนี้น้ำผึ้งยังมีวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระด้วย น้ำผึ้งจึงถือว่าเป็นสารให้ความหวานจากธรรมชาติที่ดีชนิดหนึ่ง แต่ด้วยแคลอรี่ที่สูงกว่าน้ำตาลทราย จึงควรระวังปริมาณในการรับประทานสักหน่อยอย่าให้มากเกินไป

หวานแบบ…นมข้นหวาน/นมข้นจืด

นิยมสุดสุดโดยเฉพาะในกลุ่มผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่ม ส่วนผสมหลักของนมข้นหวาน/นมข้นจืด คือ น้ำตาล เวย์ น้ำมันปาล์ม ห้ามใช้เลี้ยงทารกเพราะนอกจากมีน้ำตาลมากแล้วจะมีสารอาหารโปรตีนและสารอาหารอื่นๆ อยู่น้อย สังเกตได้ว่ามีส่วนผสมของนมน้อยมากๆ แต่มีน้ำตาลกับน้ำมันเป็นหลัก มีไขมันอิ่มตัวสูงจากน้ำมันปาล์มมีผลทำให้ระดับคอเรสเตอรอลในร่างกายสูง โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาสุขภาพควรหลีกเลี่ยง

หวานแบบ…หญ้าหวาน

หรือที่เรียกว่า “สตีเวีย” (Stevia) เป็นหนึ่งแหล่งความหวานยอดนิยมในปัจจุบัน ให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลถึง 250-300 เท่า ไม่มีพลังงาน และไม่มีผลกระทบต่อปริมาณน้ำตาลในร่างกาย เหมาะกับผู้ที่ควบคุมน้ำหนักหรือผู้ป่วยเบาหวาน หญ้าหวานมีความทนทานต่อกรดและความร้อน ไม่ถูกย่อยสลายด้วยจุลินทรีย์ และไม่ทำให้เกิดปฏิกิริยาสีน้ำตาลเมื่อผ่านความร้อนสูง ทำให้มีการนำไปใช้ในการผลิตอาหารหรือเครื่องดื่มหลายชนิด

ถึงเวลาที่ต้องเลือกแล้ว ลองใช้วิจารณญาณดูค่ะว่าแบบไหนเหมาะสมกับเรา หากทานหวานจัดเป็นประจำคงหนีไม่พ้นโรค NCDs คือโรคเบาหวาน ความดัน มะเร็ง อ้วน หัวใจ ลดได้ลดดีกว่า ลองคำนวณดูในแต่ละวันทั้งอาหารและเครื่องดื่มรวมกันอย่าให้เกิน 6 ช้อนชาต่อวันค่ะ หรือเลี่ยงได้ก็เลี่ยงเป็นหญ้าหวาน น้ำตาลเทียม ใครที่เก่งแล้วก็งดได้เลย ไม่ทานน้ำตาลไม่มีโทษนะคะ

ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก: fostat, mgronline, lovefit, pixabay, bangkokreader


ช่องทางติดต่อ

โทร: 086 672 0607
Line id: @saladcreator หรือคลิกที่นี่ http://line.me/ti/p/%40saladcreator
Youtube: https://www.youtube.com/c/saladcreator
Website: https://saladcreator.club/
Facebook: https://www.facebook.com/saladcreator/