“น้ำมันเมล็ดชา” หลายคนอาจไม่เคยได้ยินมาก่อน บทความนี้นุชจะพาไปรู้จักน้ำมันสารพัดประโยชน์ชนิดนี้และโครงการดีๆ ที่เป็นแหล่งกำเนิดของน้ำมันเมล็ดชาในประเทศไทยกัน
น้ำมันเมล็ดชา (Camellia Oleifera Seed Oil) นั้นเป็นน้ำมันที่เป็นที่รู้จักและใช้กันแพร่หลายในทางตอนใต้ของประเทศจีนมานานกว่าพันปี จากคุณประโยชน์ที่มีอยู่มากมายในตัวของน้ำมันทำให้ได้รับสมญานามว่าน้ำมันเมล็ดชานั้นเป็นเสมือน “น้ำมันมะกอกแห่งโลกตะวันออก” และยังถูกนำมาใช้ในการผลิตเครื่องสำอาง สบู่ ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม และอื่นๆอีกมากมาย จึงเป็นเหตุผลที่น้ำมันเมล็ดชาเป็นทางเลือกหนึ่งที่ดีมีประโยชน์ต่อสุขภาพ
“น้ำมันเมล็ดชา” มาจากชาสายพันธุ์หนึ่งที่เป็นไม้ยืนต้นสูงใหญ่ 5-10 เมตร อายุยืน ออกดอกผลได้นานหลายปี และเมล็ดซึ่งอยู่ด้านในผลนี้เองที่นำมาบีบสกัดเป็นน้ำมันเมล็ดชาคุณภาพสูง
น้ำมันเมล็ดชา มีกรดไขมันอิ่มตัวซึ่งไม่ดีต่อร่างกายต่ำ ในขณะที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียว หรือกรดโอเลอิก (กรดโอเมก้า 9) สูงถึงประมาณ 80% กรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง (กรดโอเมก้า 6) ประมาณ 8-9% และ กรดแอลฟาไลโนเลอิก (กรดโอเมก้า 3) ประมาณ 1 % กรดไขมันไม่อิ่มตัวเหล่านี้สามารถช่วยลดระดับ LDL (คลอเรสเตอรอลชนิดไม่ดี) และเพิ่มระดับ HDL (คลอเรสเตอรอลชนิดดี) ในร่างกาย ป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดตีบตัน โรคอัมพาต โรคความดัน โรคเบาหวาน และโรคหัวใจได้ จึงดีต่อสุขภาพของผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกิน สตรีมีครรภ์ และผู้สูงอายุ
น้ำมันเมล็ดชา ช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอี และวิตามินเค ซึ่งละลายในน้ำมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
น้ำมันเมล็ดชา อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์สูงอย่างวิตามินอีและสารคาเทชิน
น้ำมันเมล็ดชา มีจุดเกิดควันสูงถึง 252 องศาเซลเซียส สามารถนำไปประกอบอาหารได้ทั้ง ผัด ทอด ย่าง ด้วยอุณหภูมิสูงๆได้อย่างสบายมาก
สำหรับทางด้านการนำมาประกอบอาหาร น้ำมันเมล็ดชาถือเป็น 1 ในน้ำมันปรุงอาหารที่ดีที่สุด มีรสและกลิ่นที่เจือจางมากจึงไม่ทำให้รสชาติอาหารเปลี่ยน นำมาใช้ได้ทั้งเป็นน้ำมันสลัด หมักเนื้อสัตว์ ใช้ทอดหรือผัดอาหาร และอื่นๆ อีกมากมาย
ในประเทศไทย น้ำมันเมล็ดชาคือ 1 ในสินค้าหลักของแบรนด์ “ภัทรพัฒน์” แห่ง “มูลนิธิชัยพัฒนา” ซึ่งเป็นโครงการในพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ผู้ทรงดำรงตำแหน่งเป็นนายกกิตติมศักดิ์ มีสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเป็นผู้สานต่อและพระราชทานชื่อ “ภัทรพัฒน์” ให้เป็นชื่อแบรนด์สินค้าทั้งหมดจากโครงการมูลนิธิชัยพัฒนา การปลูกชาน้ำมันในประเทศไทยถือเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับชาวเขาในพื้นที่ห่างไกล ชาวบ้านในชุมชน เพิ่มพื้นที่ป่า และฟื้นฟูป่าเสื่อมโทรม
น้ำมันเมล็ดชาของภัทรพัฒน์ผ่านกระบวนการสกัดแบบหีบเย็นหรือ Cold pressed ไม่ผ่านสารเคมีและความร้อนใดๆ จึงยังคงคุณค่าสารอาหารไว้ได้อย่างครบถ้วน ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับคนรักสุขภาพทุกคน
สรุปคือ น้ำมันเมล็ดชา นั้นมีองค์ประกอบของไขมันที่ดีต่อร่างกายไม่ด้อยไปกว่าน้ำมันมะกอก และไม่มีกรดไขมันทรานส์ ซี่งทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินเอ ดี อี และเค ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากน้ำมันชาจะอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์สูงอย่างวิตามินอีและสารคาเทชิน ซึ่งช่วยยืดอายุการใช้งานของน้ำมันให้นานขึ้น น้ำมันชายังมีจุดเดือดเป็นควันสูงถึง 252 องศาเซลเซียส (486 ฟาเรนไฮต์) ทำให้สามารถประกอบอาหารได้หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการทอดหรือการผัดในอุณหภูมิที่ไม่สูงมากนัก หรือเป็นส่วนผสมของน้ำสลัดหรือซอสหมักเนื้อสัตว์ ซึ่งน้ำมันชาของศูนย์วิจัยและพัฒนาชาน้ำมันและพืชน้ำมัน มูลนิธิชัยพัฒนา ยังได้รับตราสัญลักษณ์ “อาหารรักษ์หัวใจ” จากมูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปภัมภ์
จะเห็นได้ว่าน้ำมันเมล็ดชานั้นมีคุณสมบัติมากมาย เป็นที่ต้องการของตลาดและผู้ผลิตเครื่องสำอางระดับโลก เช่น ชาแนล และลาแมร์ ที่ได้ส่งตัวแทนมาติดต่อขอทำสัญญาการส่งมอบน้ำมันชาให้กับบริษัท เพื่อนำไปผสมเป็นส่วนประกอบของเครื่องสำอาง และพร้อมรับซื้อในจำนวนไม่จำกัด แต่ทางศูนย์ไม่สามารถรับได้เพราะมีวัตถุดิบจำนวนจำกัด
นุชเช็คดูแล้วพบว่าน้ำมันเมล็ดชามีทั้งในรูปแบบของขวด และเม็ดสำหรับทานเป็นอาหารเสริม ส่วนราคานั้นเมื่อเทียบกับน้ำมันมะกอกถือว่าสูงกว่าเกือบเท่าตัวด้วยเพราะยังเป็นพืชที่ปลูกน้อย และกรรมวิธีผลิตที่เฉพาะตัว แต่ถ้าดูประโยชน์ของน้ำมันเมล็ดชาและเรารักสุขภาพจริงก็ถือว่าเป็นราคาที่แลกได้
สำหรับผู้ที่สนใจซื้อน้ำมันเมล็ดชาและผลิตภัณฑ์อื่นๆ จากภัทรพัฒน์ สามารถสั่งซื้อออนไลน์ได้ทางเว็บไซต์ www.patpat9.com
ขอบคุณข้อมูลจาก: openrice, teaoilcenter
ช่องทางติดต่อ สลัดครีเอเตอร์
โทร: 086 672 0607
Line id: @saladcreator หรือคลิก